ลุ้น 4 แชมป์เต็มสูบ! หงส์ แซงดับ บียาร์รีล 3-2 (5-2) ลิ่วชิงUCL

.

การลุ้นคว้า 4 แชมป์ของลิเวอร์พูลมีโอกาสเป็นไปได้สูงแล้ว เมื่อพลิกจากที่ตามหลังบียาร์เรอัลถึงสองประตูในครึ่งแรก กลับมาแซงชนะคว้าตั๋วเข้ารอบชิงชนะเลิศ

ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021-2022 รอบรองชนะเลิศนัดสอง เป็นการพบกันระหว่าง บียาร์เรอัล เปิดรังเหย้า เอสตาดิโอ เด ลา เซรามีก้า ต้อนรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล

อูไน เอเมรี กุนซือเจ้าบ้าน ต้องชนะด้วยผลต่างห่างเกิน 3 ประตูขึ้นนำ จึงจะพลิกเข้ารอบ เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-4-2 ใช้คู่กองหน้าเป็น เคราร์ด โมเรโน ประสานงานร่วมกับ บูาย ดิยา

ด้านทีมเยือนของ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุมความได้เปรียบจากการชนะมาก่อนในนัดแรก 2-0 วางหมากมาในแผน 4-3-3 ใช้สามแนวรุกเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก้ โชต้า, ซาดิโอ มาเน

ออกสตาร์ทเกมเพียงแค่ 3 นาทีเท่านั้น เป็นฝั่งของบียาร์เรอัลมาได้ประตูขึ้นนำอย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ เปร์วิส เอสตูปินญาน เปิดบอลทางกราบซ้ายเข้าเขตโทษให้ เอเตียง กาปู แปะเร็วต่อให้ บูลาย ดิยา ตวัดแปด้วยขวาจ่อ ๆ ไม่เหลือ ส่งให้เรือดำน้ำสีเหลืองออกนำ 1-0

ต่อด้วยช่วงท้ายครึ่งแรกนาทีที่ 41 แชมป์เก่ายูโรป้าลีกมาบวกลูกสองเพิ่มได้อีก จากจังหวะที่ เอเตียง กาปู เปิดบอลทางกราบขวาเข้าเขตโทษให้ ฟร็องซิส โกเกอแล็ง เทกตัวโหม่งตุงตาข่าย ช่วยให้เจ้าบ้านหนีห่างเป็น 2-0 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลังกลายเป็นลิเวอร์พูลมาได้ประตูตีไข่แตก ในนาทีที่ 62 จากจังหวะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แทงทะลุช่องเข้าเขตโทษให้ ฟาบินโญ ยิงด้วยขวาแฉลบลอดหว่างขาของ เคโรนิโม รูญี เข้าไป ทำให้หงส์แดงไล่มาเป็น 1-2

ถัดมานาทีที่ 67 อดีตแชมป์ 6 สมัยมาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดบอลทางกราบขวาเข้าเขตโทษให้ หลุยส์ ดิอาส เทกตัวโหม่งแบบไร้ตัวประกบไม่เหลือ ทำให้สกอร์ขยับมาเท่ากันที่ 2-2

ต่อเนื่องด้วยนาทีที่ 74 ลิเวอร์พูลมาได้ประตูพลิกขึ้นนำ จากจังหวะที่ ซาดิโอ มาเน ลากหลุดไปแตะหลบ เคโรนิโม รูญี ตามด้วยเลี้ยงหลบ ฮวน ฟอยธ์ ก่อนจะแปด้วยซ้ายโล่ง ๆ เข้าไปอย่างง่ายดาย ส่งให้หงส์แดงแซงนำ 3-2

ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 85 บียาร์เรอัลลต้องมาเหลือ 10 คน จากจังหวะที่ เอเตียง กาปู ไปตัดฟาวล์ใส่ เคอร์ติส โจนส์ จนโดนใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกไป

จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นเพิ่มเติมอีก ทำให้สุดท้ายจบเกมเป็นลิเวอร์พูลชนะไป 3-2 รวมผลสองนัดชนะไป 5-2 ตีตั๋วผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศไปรอพบผู้ชนะของคู่ระหว่างเรอัล มาดริดกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ พร้อมกับก้าวสู่การลุ้นคว้า 4 แชมป์แบบเต็มตัวแล้ว

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
บียาร์เรอัล (4-4-2) : เคโรนิโม รูญี; ฮวน ฟอยธ์, ราอูล อัลบิโอล (แซร์ช ออริเยร์ น.79), เปา ตอร์เรส, เปร์วิส เอสตูปินญาน (มานู ตริเกรอส น.79); โจวานี โล เซลโซ, ดานี ปาเรโฆ, เอเตียง กาปู, ฟร็องซิส โกเกอแล็ง (อัลฟองโซ เปดราซา น.69); เคราร์ด โมเรโน (ซามูเอล ชุควูเอเซ น.69), บูลาย ดิยา (ปาโก้ อัลกาเซร์ น.80)
สำรองไม่ได้ใช้ : เซร์คิโอ อเซนโฆ, มาริโอ กาสปาร์, บิเซนเต้ อิบอร์รา, รูเบน เปนญา, อาอิสซา ม็องดี้, มอย โกเมซ, ฟิลิป ยอร์เกนเซน
ใบเหลือง – เอเตียง กาปู น.63, น.85, โจวานี โล เซลโซ น.81, เปา ตอร์เรส น.85
ใบแดง – เอเตียง กาปู น.85 (ใบเหลืองที่สอง)

ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลิสซอน เบ็คเกอร์; เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน (แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน น.80); นาบี เกอิต้า (จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น.79), ฟาบินโญ (เจมส์ มิลเนอร์ น.84), ติอาโก้ อัลคันทารา (เคอร์ติส โจนส์ น.80); โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดิโอโก้ โชต้า (หลุยส์ ดิอาซ น.46), ซาดิโอ มาเน
สำรองไม่ได้ใช้ : โจ โกเมซ, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, ทาคุมิ มินามิโนะ, ดีว็อก โอริกี้, โฌแอล มาติป, ควีวีน เคลเลเฮอร์, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์
ใบเหลือง – เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ น.77

.

.

x