“คล็อปป์-เทน ฮาก” แถลงการณ์ร่วมวอนหยุดล้อเลียนโศกนาฏกรรม
.
ศึกแดงเดือดยกที่สองของฤดูกาลที่แอนฟิลด์ในวันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูล ที่กำลังกลับมาเก็บผลการแข่งขันได้อีกครั้ง โดยชัยชนะในเกมนี้มีความสำคัญเนื่องจากจะทำให้พวกเขามีลุ้นกลับมาอยู่ในพื้นที่ท็อปโฟร์ ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการสามแต้มเพื่อลุ้นแชมป์เช่นกัน
การพบกันที่ผ่านมา มักมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์จากแฟนบอลส่วนน้อยทั้งสองทีมที่หยิบเหตุการณ์สลดในอดีตมาล้อเลียนฝั่งตรงข้าม ทั้งเหตุการณ์ที่ มิวนิค, เฮย์เซล และ ฮิลล์โบโรห์ ที่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งกุนซือทั้งสองทีมได้เรียกร้องให้แฟนบอลสร้างบรรยากาศการเชียร์ฟุตบอลที่ดีและสมศักดิ์ศรีในเกมสำคัญแบบนี้
“การเป็นคู่แค้นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในศึกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอล เราต่างรักแพสชั่นของแฟนบอลเมื่อทีมของเรามาพบกัน แต่มันมีเส้นที่ไม่ควรจะข้ามไป” เทน ฮาก แถลง
“มันเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ที่ใช้การสูญเสียชีวิตไม่ว่าจะโศกนาฏกรรมใด ๆ ก็ตาม ในการทำแต้ม และมันถึงเวลาแล้วที่จะต้องหยุดเรื่องนี้ ผู้ที่มีส่วนกับเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ชื่อเสียงของสโมสรเสื่อมเสียเท่านั้น แต่ยังเป็นชื่อเสียงของพวกเขาเอง, ของแฟน ๆ และเมืองที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราด้วย
“ในส่วนของผม, นักเตะของเรา และทีมสตาฟฟ์ของเรา, ผมขอร้องให้แฟนบอลโฟกัสที่การให้กำลังใจทีมในวันอาทิตย์นี้ และเป็นตัวแทนสโมสรของเราในแนวทางที่ถูกต้อง”
นอกจากนี้ยังมีแถลงการณ์จากฝั่ง ลิเวอร์พูล จาก เยอร์เก้น คล็อปป์ ด้วยเช่นกัน “หนึ่งในเหตุผลที่ทำไมการเป็นคู่แค้นระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงเป็นสิ่งพิเศษนั่นเพราะความเข้มข้น ตึงเครียด และควรที่จะไม่มีใครไปเปลี่ยนแปลงมัน แต่ในเวลาเดียวกัน เมื่อความบาดหมางกลายเป็นความตึงเครียดเกินควรมันจะไปอยู่ในจุดที่ไม่ดีสำหรับทุกคน และเราไม่ต้องการอะไรเช่นนี้
“เราต้องการเสียงกึกก้อง, เราต้องการเปลี่ยนโอกาสให้อยู่ข้างเรา และเราต้องการสร้างบรรยากาศแสนตื่นเต้น สิ่งที่เราไม่ต้องการสิ่งอื่นใดที่เกินเลยไปจากนี้ และนั่นรวมถึงการร้องเพลงเชียร์เช่นนี้ที่ไม่ควรมีพื้นที่ในโลกฟุตบอล ถ้าเรารักษาการมีแพสชั่นและลดการกล่าวว่าร้ายใส่กันมันคงดีกว่าสำหรับทุกคน
“ร่วมด้วยช่วยกัน, ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการแสดงสิ่งที่พิเศษและแง่บวกของความบาดหมางที่น่าอัศจรรย์ระหว่างสองสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ แต่บางครั้งเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าเศร้า”
.
